ศาสตร์แม่มด EP.3 การล่าแม่มด
การล่าแม่มดเกิดขึ้นในยุคกลางหรือเรียกกันว่า “ยุคมืด” ซึ่งในยุคนี้มีการล่าแม่มดเริ่มต้นจากศาสนจักร ที่เริ่มต่อต้านผู้ที่ดูแปลกกว่าคนอื่น นับถือบูชาสิ่งที่ไม่ใช่พระเจ้า จะถูกนับว่าบูชาปีศาจหรือความชั่วร้าย จึงมีการก่อตั้งและไต่สวนขึ้น เรียกว่า “การไต่สวนอันศักดิ์สิทธิ์” ทำให้เกิดการล่าแม่มดด้วยวิธีต่าง ๆ ขึ้น ซึ่งมีผู้เสียชีวิตในยุคล่าแม่มดมากกว่า 200,000 ชีวิต และส่วนใหญ่มักเป็นผู้หญิง นอกจากการเผาทั้งเป็นแล้วมีอะไรอีกบ้าง ซึ่งวันนี้ตีตี้จะพาย้อนยุคไปชมกันเบาๆ
*คำเตือน ใช้วิจารณาในการอ่านด้วยนะคะ*
วิธีตรวจสอบการเป็นแม่มดพ่อมด
หาไฝ และตำหนิตามร่างกาย เชื่อกันว่าหากผู้ใดมีตำหนิตามร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นไฝ ปาน ถือว่านั้นคือรอยของศาสตร์มืด ตำหนิจากปีศาจ หรือเป็นการทำสัญญากับปีศาจ
ใครเป็นแม่มด ผู้หญิงในครอบครัวก็เป็นด้วย หากคนในครอบครัวถูกกล่าวหาเป็นแม่มด คนในครอบครัวก็อาจถูกบอกเป็นแม่มดด้วยและอาจถูกเผาไฟทั้งเป็นยกครอบครัว
พูดและกล่าวไม่ดีเกี่ยวกับศาสนา หากพูดไม่ดี ไม่แสดงความนับถือ ลบหลู่ศาสนาหรือแม้แต่การแอบพูดคุย จะถูกถือว่าเป็นคนบูชาปีศาจ เป็นแม่มดและถูกเผาไฟทั้งเป็น
ดูผิดปกติ ผมแดง สวย น่าเกลียด จนเกินไป หากใครที่ดูสวยและเด่นมาก หรือดูน่าเกลียด ผิดปกติเกินผู้อื่น มีผมสีแดง ถือว่าเป็นแม่มด ในยุคนั้นผมสีแดงเป็นสิ่งที่โชคร้าย เพราะถือว่าผมสีแดงเป็นข้ารับใช้ของปีศาจ และหากบอกชื่อแม่มดคนอื่นจะได้รับการลงโทษที่เบาลง จากการถูกเผาทั้งเป็น จะเป็นการถูกรัดคอจนตายจึงค่อยเอาไปเผา
ผู้มีความรู้ในด้านทางการแพทย์ การรักษา และการใช้สมุนไพร หากมีผู้ใดที่มีความรู้ในด้านนี้เป็นพิเศษ แม้จะเป็นการช่วยเหลือคนอื่น ก็จะถูกกล่าวหาว่าใช้เวทมนตร์และเป็นแม่มดอยู่ดี
พฤติกรรมแบบแม่มด แม้ว่าจะไม่ได้เป็นแม่มด แต่อาจมีพฤติกรรมที่แปลกแยกไปจากผู้อื่น หรือแม้แต่การเก็บตัว ก็จะถูกจับไปด้วยข้อหาเป็นแม่มด แม้จะไม่มีหลักฐานก็ตาม
บทลงโทษ
เอาเข็มแทงและเอาเหล็กเผาไฟจี้ สำหรับผู้มีตำหนิบนร่างกาย หากเอาเข็มแทงแล้วไม่มีเลือดออก ไม่รู้สึกเจ็บปวด เท่ากับว่าเป็นแม่มด ซึ่งในการตรวจสอบวิธีนี้ผู้ถูกกล่าวหาจะถูกเข็มแทงแค่เพียงชั้นผิวหนังกำพร้า ซึ่งจะไม่ทำให้มีเลือดออกเป็นเหมือนการสะกิดเบาๆ
แต่ในทางกลับกันบางสถานที่จะใช้เหล็กเผาไฟจี้กับไฝหรือปาน อาจมีเลือดออกก็ถือว่าเป็น แม่มด เช่นกัน
ทดสอบศรัทธาต่อพระเจ้า วิธีนี้จะให้อ่านพระคัมภีร์ โดยห้ามอ่านผิดพลาด ตะกุกตะกัก ติดขัด หรือแม้แต่จะพูดติดอ่างก็ตาม
จับถ่วงน้ำ การจับถ่วงน้ำเป็นอีกวิธีที่โด่งดัง คือการจับคนที่น่าจะเป็นแม่มดไปมัดแขนขาและโยนลงน้ำ เชื่อกันว่า น้ำคือสิ่งบริสุทธิ์ หากร่างนั้นจมลงใต้ดินแปลว่าอยู่ข้างพระเจ้า และถ้าร่างนั้นลอยขึ้นมาแปลว่าไม่ได้รับการยอมรับและเป็นแม่มด จะถูกจับไปลงโทษ ส่วนคนที่จมหายไปจะถูกประกาศว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่ส่วนใหญ่จะขาดใจตายก่อน
การทรมาน หากผู้ที่ถูกกล่าวหาไม่รับสารภาพ จะถูกทรมานด้วยวิธีต่างๆ เช่น ถอดเล็บ ตอกเล็บ บีบขมับ แต่ส่วนใหญ่จะยอมตายมากกว่าการสารภาพ เพราะหากสารภาพก็เท่ากับว่าถูกจับเผาทั้งเป็นอยู่ดี ซึ่งสำหรับผู้ที่ไม่ยอมสารภาพจะถูกทรมานเรื่อยๆ จนตาย รวมถึงวิธีการเอาเชือกมัดแขนขาเป็นสี่มุมและให้ม้าค่อยๆ ลากออก
ซึ่งในการสอบสวนและการลงโทษนั้น ไม่จำเป็นจะต้องมีหลักฐานใดๆ ขอแค่มี “คำสารภาพ” ก็เพียงพอแล้วสำหรับการเป็นแม่มด ตัวแอดถึงกับขนลุกซู่ หดหู่ขึ้นมาทันทีเลย ดีใจที่เกิดในสมัยที่สังคมเปิดกว้างพอสมควร แต่ในเรื่องนี้ยังไงก็ต้องใช้วิจารณาด้วยนะคะ เชื่ออย่างมีสติและรอบคอบ อย่าเชื่องมงายจนทำให้คนรอบตัวเป็นห่วงนะคะทุกคน
บทความที่เกี่ยวข้อง :
เรียบเรียงโดย : ดวงฤทัย จารุเวชยาศรม (ยู) ภาพ : Graphic 1168
นักศึกษาฝึกงานกองบรรณาธิการ สนพ.1168 รุ่น 1/63
ที่มาจาก
https://board.postjung.com/668647
Book : Malleus Maleficarum – Heinrich Kramer and Jacob Sprenger