โบราณเขาว่าไว้…
“…ถ้าได้ยินเสียงหรือได้กลิ่นอะไรยามค่ำคืน ห้ามทัก
ห้ามเดิน ผ่านประตูสามบานที่เชื่อมต่อกันในเวลากลางคืน
ถ้าแมงมุมทุบอก จิ้งจกหรือตุ๊กแกร้องทักก่อนก้าวออกจากห้องหรือข้ามธรณีประตู
จงอย่าออกไปไหน
ขนมที่มีคนวางทิ้งเอาไว้ ห้ามหยิบมากินเด็ดขาด
อย่าตัดเล็บหรือตัดผมเวลามือค่ำ
รวมถึง ห้ามทำความสะอาด เรือนหลังตะวันตกดิน
อ้อ… อีกอย่าง ข้าวของในบ้านทุกชิ้น เวลาหยิบจับหรือหยิบมาใช้
จงระวัง บางสิ่งอาจมีเจ้าของอยู่แล้ว
อีกทั้งไม่ควรเอ่ยลบหลู่สิ่งที่มองไม่เห็น…”
แฮ่ ! สวัสดีค่ะนักอ่านทุกท่าน เอ๊… หลายคนอาจจะสงสัย แอดมินเกริ่นอะไรย๊าวยาวอยู่ข้างต้นกันนะ ?
หลาย ๆ คนคงจะเคยได้ยินผู้หลักผู้ใหญ่พูดถึงตำนานความเชื่อของคนโบร่ำโบราณ เช่น จิ้งจกทักห้ามออกจากบ้าน เพราะจะทำให้เราต้องประสบเคราะห์ร้าย ห้ามเล่นซ่อนแอบเวลากลางคืนเพราะวิญญาณร้ายลักพาตัวเราไป ห้ามนู่นห้ามนี่ ห้ามเก่งเหลือเกิน !
แล้วเราเคยสงสัยกันรึเปล่าว่า ทำไมคนโบร่ำโบราณหรือผู้หลักผู้ใหญ่สมัยก่อนถึงได้มีข้อห้ามอะไรเยอะแยะไปหมด แถมข้อห้ามแต่ละอย่าง ก็มักอ้างเรื่องผีสางนางไม้ เรื่องโชคลาภ เรื่องบุญเรื่องกรรมมาเกี่ยวข้อง ?
ขนบความเชื่อเหล่านี้แท้จริงแล้วถือเป็นกุศโลบายอย่างหนึ่งของคนโบราณ เพื่อสั่งสอนไม่ลูกหลานของตัวเองกระทำตัวนอกลู่นอกทาง และเพื่อให้ลูกหลานรู้จักระวังป้องกันตัวเองยังไงล่ะคะ ยกตัวอย่างการห้ามเล่นซ่อนแอบเวลากลางคืน ไม่งั้นจะมีผีมาบังตาหรือลักพาตัว แต่แท้จริงแล้วเป็นเพราะว่าเวลากลางคืน ด้วยวิวทิวทัศน์ที่มืดมิด การเล่นซ่อนแอบอาจจะทำให้เราพลาดตกหลุม หรือพลัดหลงเข้าไปในป่า หรือติดอยู่ในหลืบในซอกก็เป็นได้
ทำไมคนโบราณถึงว่าไว้อย่างนั้น ?
หากได้ยินเสียงหรือได้กลิ่นอะไรในเวลากลางคืน ห้ามทัก
กุศโลบายนี้มีไว้เพื่อสั่งสอนลูกหลานให้รู้จักระวังตัวในเวลากลางคืน เพราะอาจจะมีคนมาลอบทำร้ายเราได้ทุกเมื่อ และการขานเรียกชื่อนี้ ก็เพื่อเรียกให้ถูกตัวนั่นเอง ฟังดูก็อาจจะเวอร์ไป มาค่ะ ลองมาอ่านเรื่องนี้กัน
สมัยก่อน เวลาจะสร้างเมือง จะต้องมีเสาหลักเมืองอยู่สี่มุมเมือง โดยจะต้องขุดหลุมปักเสาขนาดที่ตัวคนลงไปอยู่ในนั้นได้ และมีท่อนซุงขนาดใหญ่วางอยู่ปากหลุมเสา เมื่อถึงคืนเดือนมืด ทหารก็จะเดินออกไปตามหมู่บ้าน และตะโกนดัง ๆ เป็นระยะ ๆ ว่า อิน… จัน… มั่น… คง… ทีนี้ชาวบ้านคนไหนที่ได้ยินเสียงเรียกนี้แล้วเผลอขานรับ อาจจะเพราะตรงกับชื่อตัวเองหรือหูแว่วไปก็ตาม ทหารก็จะเข้ามาจับตัวคนที่ขานชื่อ เมื่อครบสี่คน ทหารก็จะพาคนทั้งสี่ไปบริเวณปากหลุมเสา แล้วผลักผู้โชคร้ายทั้งสี่ลงไป ใช้ท่อนซุงตอกลงไปจนคนในหลุมตาย แล้วก็เอาดินกลบ จากนั้นก็ค่อยทำพิธีบวงสรวงบูชาปลูกศาลคร่อมเสาหลักเมืองไว้ ให้กลายเป็นผีเฝ้ามุมเมือง (อ้งอิงจาก : https://www.gotoknow.org/posts/288335)
อ่านแล้วก็รู้สึกหดหู่ น่ากลัว ปนสงสารคนโชคร้ายทั้งสี่คนนั้นจริง ๆ ที่ดันไปขานชื่อตัวเองในยามค่ำคืน แต่หลายคนอาจจะคิดแย้งว่า สมัยนี้คงไม่มีใครเขามาเรียกชื่อคนในเวลากลางคืนหรอก ก็ไม่แน่นะคะ จริง ๆ แล้วแอดก็ไม่ได้หมายถึงการเรียกชื่ออย่างเดียว แต่หมายถึงเสียงแปลก ๆ ทุกชนิด เช่น เราอาจจะอยู่บ้านคนเดียว ได้ยินเสียงอะไรแปลก ๆ ดังอยู่ในบ้าน แล้วเราก็ดันพูดออกมาว่า “นั่นเสียงอะไร” ถ้าเกิดเป็นโจรหรือคนร้าย การส่งเสียงออกไปแบบนั้น ก็ทำให้เราซวยได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นก็จงระวังตัวให้ดี
ห้ามเดินผ่านประตูสามบานที่เชื่อมต่อกันในเวลากลางคืน
คนโบราณเขาเชื่อว่า ทางที่ประตู 3 บานเชื่อมต่อกันหรืออยู่ตรงตำแหน่งเดียวกัน ถือเป็นสัญลักษณ์ของประตูจาก 3 โลก เป็นทางที่ผีร้ายและผีดีเดินทางผ่าน
แต่ความจริงแล้ว ที่เขาห้ามไม่ให้สร้างประตู 3 บานให้อยู่ในตำแหน่งเดียวกันนั่นก็เพราะจะทำให้ลมที่พัดเข้ามาพัดแรงขึ้นกว่าเดิม ส่งผลให้อากาศภายในบ้านเย็น คนที่อาศัยอยู่ในบ้านจะป่วยไข้ได้ง่าย แต่สำหรับประเทศไทยที่อากาศร้อน ก็อาจจะเป็นเรื่องดีก็ได้นะ
ถ้าแมงมุมทุบอก จิ้งจกหรือตุ๊กแกร้องทักก่อนก้าวออกจากห้องหรือข้ามธรณีประตู จงอย่าออกไปไหน
คนโบราณว่าไว้ จิ้งจกร้องทัก ห้ามออกจากบ้าน เพราะจะทำให้ประสบเคราะห์ในการเดินทาง เป็นกุศโลบายที่คิดขึ้นมาเพื่อให้เราระมัดระวังตัว และมีสติในการเดินทางไปไหนมาไหนเหมือนเดิมนั่นแหละค่ะ
สาเหตุที่จิ้งจกร้องทัก แท้จริงแล้วก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับผีสางใด ๆ แต่เป็นธรรมชาติของจิ้งจกนั่นเอง มันอาจจะร้องหาคู่ ร้องหาอาหาร ร้องเพื่อสื่อสารกับเพื่อนจิ้งจกด้วยกันก็ได้
ขนมที่มีคนวางทิ้งเอาไว้ห้ามหยิบมากินเด็ดขาด
คนโบราณเขาเชื่อกันว่า ขนมที่มีคนเอามาวางทิ้งไว้ หรือขนมที่วางอยู่อย่างไม่มีที่มาที่ไป เป็นขนมที่ใช้เซ่นไหว้ผี เป็นขนมที่มีเจ้าของแล้ว แต่แท้จริงแล้วเป็นกุศโลบายก็เพื่อเตือนไม่ให้ลูกหลานหยิบของกินซี้ซั๊วะ เพราะขนมที่ถูกวางทิ้งไว้ แม้จะวางอยู่บนจาน บนพื้น หรืออะไรก็ตาม ก็ไม่ควรหยิบมากิน เนื่องจากความสะอาดและความปลอดภัยของลูกหลานนั่นเอง ดีไม่ดีขนมอาจจะเน่าเสีย หรือถูกวางยาไว้ก็เป็นได้
อย่าตัดเล็บหรือตัดผมเวลามือค่ำ
เป็นอีกความเชื่อทีได้ยินกันบ่อย ว่า อย่าตัดเล็บหรือตัดผมตอนกลางคืนเพราะอาจะทำให้มีวิญญาณร้ายมาเข้าสิงหรือมาปองร้ายเราได้ แต่เหตุผลที่แท้จริงก็คือ บ้านเมืองสมัยก่อนไม่มีไฟฟ้าใช้เหมือนในปัจจุบัน เวลากลางค่ำกลางคืนก็จะมืดจนแทบมองอะไรไม่เห็น แม้จะมีตะเกียงหรือก่อไฟจุดให้ความสว่าง ก็มองเห็นไม่ชัดแบบยุคนี้ค่ะ ฉะนั้นการตัดเล็บหรือตัดผมตอนกลางอื่น ก็อาจจะทำให้พลาดเกิดแผลหรือได้รับบาดเจ็บ
ห้ามทำความสะอาดเรือนหลังตะวันตกดิน
คนโบราณเขากล่าวไว้ว่า การทำความสะอาดบ้านเรือนตอนกลางคือ จะเป็นการปัดกวาดไล่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คอยปกป้องและคุ้มครองบ้านจากผีร้ายให้ออกไป ทำให้พวกสัมภเวสีทั้งหลายเข้ามาในบ้านของเราได้
แต่แท้จริงแล้ว การทำความสะอาดบ้านเรือนตอนกลางคืนมักไม่ค่อยสะอาดเท่าตอนกลางวัน เนื่องจากมืดและมองไม่เห็นบางจุด บางมุมของบ้าน เราอาจจะปัดกวาดสิ่งมีค่าที่เราเคยทำตกไว้ทิ้งไปอีกต่างหาก อีกทั้งอาจจะทำให้เกิดอันตรายจากของมีคม หรือเกิดความเสียหายภายในบ้าน เช่น ของมีค่าตกแตก สะดุดสายไฟหกล้ม เป็นต้น
ข้าวของในบ้านทุกชิ้น เวลาหยิบจับหรือหยิบมาใช้ จงระวัง บางสิ่งอาจมีเจ้าของอยู่แล้ว
เจ้าของที่ว่า ก็ไม่ใช่ใครคนอื่นไกล ก็คือพวกวิญญาณ หรือ ผี นั่นแหละค่ะ แต่จริง ๆ แล้วนี่ก็เป็นอีกหนึ่งกุศโลบายของคนโบร่ำโบราณที่มีไว้เพื่อฝึกมารยาทลูกหลานไม่ให้หยิบจับสิ่งของมั่วซั่ว หรือหยิบไปโดยไม่ขอเจ้าของ เวลาจะหยิบใช้ของสิ่งใด ก็ควรจะขออนุญาตเสียก่อน หากหยิบไปโดยไม่ขอ ก็อาจะทำให้เจ้าของเขาโกรธเคืองก็ได้ ดีไม่ดีอาจโดนข้อหาลักทรัพย์ก็ได้นะ (ฮา)
ไม่ควรเอ่ยลบหลู่สิ่งที่มองไม่เห็น
ทั้งหมดที่แอดมินกล่าวมา ไม่ได้หมายความว่าแอดมินลบหลู่สิ่งที่มองไม่เห็น สิ่งเหนือธรรมชาติ หรือภูตผีวิญญาณต่าง ๆ นะคะ ความเชื่อของคนเราไม่เหมือนกัน บางคนเชื่อว่าผีมีจริง บางคนเชื่อว่าผีเป็นแค่จินตนาการของคนโบราณเท่านั้น ซึ่งจะเชื่อแบบไหน ก็ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของคนเราค่ะ อย่าเชื่อมากจนงมงาย และอย่าคิดแย้งจนเป็นการลบหลู่
จริง ๆ แล้วความเชื่อของคนโบร่ำโบราณยังมีอีกเยอะแยะ เล่าให้ฟังสามวันก็ยังไม่จบ แต่แอดมินยกตัวอย่างความเชื่อนี้มาจากหนังสือเรื่อง “เรือนอสุรา” โดยเป็นความเชื่อที่แอดเชื่อว่าหลาย ๆ คนก็จงจะคุ้นเคยกันดี
แม้ชื่อ ‘เรือนอสุรา’ อาจจะฟังดูเป็นนิยายแนวรักย้อนยุค แนวทาสในเรือนเบี้ย (?) แต่เชื่อไหมว่าเรื่องนี้เป็นนิยายแฟนตาซีไทยที่ผสมความคอเมดี รับประกันความสนุก ครบรส ฮา แถมยังได้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องของคนโบราณไปด้วย
เรื่องราวเกี่ยวกับหญิงสาวคนหนึ่งที่ต้องไปทำงานเป็นทั้งครูและพี่เลี้ยงให้เหล่าเด็กที่อาศัยอยู่ในเรือนไทยหลอน ๆ เรือนหนึ่ง แม้ใจจะกลัวผี แต่อีกใจก็ต้องสู้เพื่อเงินและอาชีพที่เธอรัก อ่ะ… เล่าถึงตรงนี้ นักอ่านอาจจะเบื่อ แต่บอกเลยว่าหลังจากที่เธอได้เข้าไปทำงานแค่วันแรก ก็เจอดีเข้าเสียซะแล้ว ! บรรดาผีสางนางไม้ ต่างพากันมาต้อนรับแขกอย่างเธอ ทำให้เธอแทบจะกอบของหนีออกไปให้รู้แล้วรู้รอด แต่ทำไม่ได้เพราะเธอต้องการเงิน ! เอ้ย… เพราะบางอย่างในตัวเธอกลับเรียกร้องให้เธออยู่ในเรือนไทยสุดเฮี้ยนหลังนี้ต่อไป
ทำไมกันนะ ทำไมเธอถึงต้องอยู่ในเรือนไทยสุดเฮี้ยนทั้งที่ตัวเองก็กลัวผี ลองมาหาคำตอบกันได้ใน เรือนอสุรา บ้านนี้ผีเพี้ยน !
ซื้อหนังสือกับแอดที่นี่เลยจ้า😄
🔹1168group.com
Inbox : https://m.me/1168group
LINE 1168group : @1168group