🐍 รีวิว BUDDY HOPE BUDDY HOPE คืนชีพราชันอสรพิษ 👑
เมื่อลูกครึ่งมนุษย์แวมไพร์และงูไวเปอร์จับคู่กันได้อย่างเจ้าเล่ห์และลงตัว
⚠️ เนื้อหาอาจมีสปอยล์ ⚠️
ถึงคราวรีวิวคู่หูที่ไม่คาดคิดว่าจะเข้าขากันได้ขนาดนี้ คือ เจ้าชายมนุษย์ครึ่งแวมไพร์ “มิคาน่า” และ เจ้าชายไวเปอร์ “สเน็ค” ร่วมผจญภัยไปช่วยเจ้าสาว เอ๊ย ! พี่เลี้ยงคนสำคัญในโลกแฟนตาซีผ่านการมุมมองของอสูรทั้งสองที่จะนำพาไปพบกับความลับและปมปริศนาที่ค้างคาใจพวกเขามาตั้งแต่อดีต พร้อมแล้วก็ลุย !
โฮป พี่เลี้ยงจอมสปอยล์
ต่างฝ่ายต่างดูแลกัน พี่เลี้ยงในฝัน นัมเบอร์วันแห่งบ้านอสูร
โฮปถือว่าเป็นพี่เลี้ยงในฝันของเด็กหลาย ๆ คน เพราะช่างตามใจและช่างสปอยล์เหลือเกิน (แต่เด็กก็ไม่เสียคนนะ) นับตั้งแต่เลี้ยงเหล่าอสูรมา ก็น้อยครั้งมากที่เด็ก ๆ จะโดนขัดใจ เช่น ตอนมิคาน่าและสเน็คทะเลาะต่อยตี (?) กันเพื่อให้ตนเองได้นอนใกล้ชิดโฮป แต่คนกลางก็ไม่ได้ว่าอะไร แถมยังลูบหัวตนละทีสองทีอย่างเท่าเทียมก่อนนอนเพื่อไม่เป็นการลำเอียงอีกต่างหาก
ไม่ใช่แค่เด็ก ๆ โดนตามใจเท่านั้น แต่พี่เลี้ยงของเราก็ถูกดูแลเป็นอย่างดีโดยที่เจ้าเด็กต่างก็ไม่มีใครยอมใคร อย่างตอนสังเกตเห็นว่าโฮปหนาว มิคาน่าจึงถอดเสื้อมาคลุมแถมนำผ้ามาห่มให้อีกสองสามชั้น ส่วนสเน็คเมื่อเห็นว่าโฮปยังเป็นก้อน เอ๊ย ! ยังอุ่นไม่พอ จึงนำผ้ามาห่มให้อีกชั้น ช่างกตัญญูดีจริง ๆ
“พี่เลี้ยงอสูรคนนี้เป็นพวกการป้องกันตัวต่ำ ไม่รู้จักระวังตัวหรือระแวงสงสัยใคร แต่ก็อ่อนโยนใจดีกับพวกเขาอย่างเท่าเทียม”
มิคาน่า
เจ้าชายฉายาหัวหน้าห้อง
จากเจ้าชายผู้อ่อนโยนสู่ชายหนุ่มผู้เติบใหญ่มาอย่างดีเยี่ยม สุภาพบุรุษจุฑาเทพยังต้องแพ้ เมื่อได้เจอตอนมิคาน่าดูแลโฮป อาจกล่าวได้ว่าตอนมิคาน่าอยู่ต่อหน้าพี่เลี้ยงและตอนที่ลับสายตาของพี่เลี้ยงนั้นแตกต่างกัน เพราะเจ้าชายของเราอยากให้โฮปได้เห็นแต่ด้านดี ๆ ของตน (ไม่ใช่ด้านอื่นไม่ดีน้า)
ฉายาหัวหน้าห้องผู้พึ่งพาได้นี้ไม่ใช่ว่าได้มาเล่น ๆ แต่เป็นเพราะความฉลาดและเป็นผู้นำสูงถึงขนาดที่โฮปต้องปรบมือชื่นชมให้ (ในใจ) เช่นฉากที่รู้ทันศัตรูว่าโกหกจึงไล่ต้อนจนจับไต๋ได้นั่นไงล่ะ !
นอกจากนี้ในเล่มยังช่วยมิคาน่าปลดล็อกความรู้สึกแปลกแยกจากคนอื่น ในตอนแรก มิคาน่าคิดว่าตนเองต่างจากผู้อื่นเนื่อจากมีเชื้อสายแวมไพร์ในร่างกาย แต่เมื่ได้มาอยู่ในบ้านอสูร ความรู้สึกนั้นก็ค่อย ๆ จางลง แต่อาจกลับกลายเป็นเขาคิดว่าตนนั้นด้อยกว่าเพื่อนคนอื่นในบ้านอสูรเพราะความครึ่ง ๆ กลาง ๆ แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อจบเล่มก็ช่วยให้มิคาน่าได้รู้ว่าจริง ๆ แล้วตนเองก็ไม่แพ้สมาชิกใดในบ้านอสูรเช่นกัน
สเน็ค
เจ้าชายไวเปอร์ หากไม่เจ้าเล่ห์ก็ไม่ใช่เขา
หากนึกถึงงู เราก็คงนึกถึงคำว่าเจ้าเล่ห์เป็นอันดับต้น ๆ และคำอื่น ๆ ที่อาจนึกตามมาได้ทีหลังก็คือ สง่างาม ว่องไว ปราดเปรียว เฉลียวฉลาด ทั้งหมดนี้คือคำบรรยายถึงตัวตนของสเน็คอย่างสั้นซึ่งทำให้เห็นภาพได้อย่างชัดเจน
จริง ๆ แล้วนิสัยของสเน็คไม่ได้โดดเด่นแค่ด้านความเจ้าเล่ห์อย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมีความขี้แกล้งที่มักจะหยอกล้อพี่เลี้ยงคนโปรดอย่างสนุกสนานเสมอ เช่น ตอนที่โฮปไล่ไปอาบน้ำ และเจ้าตัวก็โพล่งขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มมุมปากว่า “งั้นเราไปอาบด้วยกันเถอะ” แน่นอนว่าจุดประสงค์ก็คงเพื่อแกล้งนั่นเอง หรือในฉากที่สเน็คกรีดแผลของตนจากภายใน (ทั้ง ๆ ที่จริงแล้วแผลนั้นกำลังจะหายดี) เพื่อให้อ้อนพี่เลี้ยงทำแผลให้
ทว่าในเล่มไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความเจ้าเล่ห์เท่านั้น เพราะในฉากแอ็กชัน สเน็คของเราก็ถือว่าเท่ เก่งฉกาจ และฉลาดเอาเรื่องเลยทีเดียว
ความสัมพันธ์
คู่หูสุดเจ้าเล่ห์ที่กำเนิดจากพี่เลี้ยงจอมสปอยล์
นอกจากสเน็คที่เจ้าเล่ห์อย่างเห็นได้ชัด มิคาน่าเองก็นับว่าเจ้าเล่ห์ไม่แพ้กัน เมื่ออยู่กับโฮป เด็ก ๆ ต่างก็แสดงนิสัยด้านที่อยากให้โฮปเห็นและนิสัยที่จะทำให้ตนเองได้อยู่ใกล้ชิดพี่เลี้ยงออกมา จึงไม่แปลกหากต้องประชันความเจ้าเล่ห์กัน แต่ก็ใช่ว่าคนกลางจะไม่รู้เท่าทัน เรียกว่ายอมปล่อยให้เจ้าเด็กทำตามใจแล้วทรีตกลับอย่างเท่าเทียมก็ว่าได้
มิคาน่าและสเน็คมีความคล้ายคลึงกันอย่างแปลกประหลาด ถึงขั้นที่มิคาน่ากล่าวเองเลยว่า ตนเองและสเน็คเป็นคนประเภทเดียวกัน จึงอาจกล่าวได้ว่า เมื่อเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ฉันใด มิคาน่าและสเน็คก็ไม่มีทางสามัคคีกันได้ง่าย ๆ ฉันนั้น ถึงอย่างนั้นเจ้าชายครึ่งมนุษย์ครึ่งแวมไพร์กับเจ้าชายไวเปอร์ก็ยังเป็นคู่ที่โฮปคิดว่าหยุดทะเลาะกันได้ง่ายกว่าวาเรนกับโดโลเรส
“ต่อหน้าโฮปพวกเขามักจะสามัคคีอยู่กันอย่างสันติ มิคาน่าเป็นเด็กที่ชอบยิ้มใสซื่อไร้เดียงสาเหมือนคนโง่ ส่วนสเน็คเป็นคนที่ชอบยิ้มแบบมีลับลมคมในน่าหมั่นไส้ แต่พอลับหลังพวกเขากลับเป็นเช่นนี้ (แยกเขี้ยวใส่กัน) บ่อยครั้ง”
ครอบครัว
‘แม้จะไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน แต่การมีครอบครัวนี่มันดีจริง ๆ’
จากเด็กที่เข้าใจผิดหรือแม้แต่ไม่เข้าใจคำว่าครอบครัวเลยก็ได้รู้จักกับคำนี้อย่างลึกซึ้ง เพราะพี่เลี้ยงคนสำคัญเป็นฝ่ายมอบความหมายให้ได้ทราบ
จากเด็กที่คอยระแวงและระวังตนเองอย่างสม่ำเสมอ เมื่อได้ใช้ชีวิตอยู่กับโฮปก็กลับกลายเป็นว่าเหล่าอสูรได้ใช้ช่วงชีวิตวัยเด็กธรรมดา ๆ อย่างคนอื่นเขาบ้าง
จากที่นึกถึงแต่ตนเอง เมื่อเด็ก ๆ ได้รู้จักกับโฮปก็เปลี่ยนเป็นคนที่นึกถึงคนอื่น หรือหากจะให้เจาะจงกว่านี้ก็คงต้องบอกว่า นึกถึงโฮปอยู่ตลอด เด็ก ๆ จะคิดเสมอว่าหากตนลงมือทำแบบนี้แล้วโฮปจะคิดอย่างไร หรือโฮปต้องคิดแบบนี้เป็นแน่
หลุดจากอดีตด้วยการคลายปม
ปลดล็อกความติดค้างที่คาอยู่ในใจ สู่การเริ่มใหม่ที่สดใสกว่าเดิม
สเน็คและมิคาน่าได้เผชิญกับปมของตนเองอีกครั้ง ทั้งปมจากอดีตและปมที่อาจหรือไม่อาจเกิดขึ้นในอนาคต นั่นก็คือการลาจากของพี่เลี้ยงคนสำคัญ การหลุดจากความกลัวนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย การได้เห็นภาพที่โฮปถูกทำร้ายแต่ละครั้งนั้นทรมานราวกับหัวใจของเหล่าอสูรถุกกรีดซ้ำ ๆ
เพื่อเตรียมรับมือกับอุปสรรคที่เลวร้ายกว่าในอนาคต เด็ก ๆ ก็จำเป็นต้องผ่านมันไปให้ได้ด้วยตัวเอง และกว่าจะหลุดจากการเผชิญหน้ากับเรื่องเลวร้ายได้ก็เรียกได้ว่าเกือบตายเลยทีเดียว
ทั้งนี้ ยังมีการเฉลยต้นกำเนิดและที่มาของปมที่ฝังลึกในหัวอสูรทั้งสองว่าเป็นมาอย่างไร และท้ายที่สุดแล้วปมนั้นก็ได้คลายออก แต่อาจไม่ใช่โดยตัวของเด็ก ๆ เอง แต่หากจะเรียกให้เข้าใจง่ายก็อาจจะเป็นประโยคที่ว่า “กรรมตามสนองนั่นเอง”
ตัวร้าย
ดาบนั้นคืนสนอง พร้อมจัดเต็มด้วยคู่ต่อสู้จากหลายฝ่ายหลายเผ่าพันธุ์
ไม่ว่าจะเผ่าพันธุ์งูไวเปอร์ แวมไพร์ หมาป่า มนุษย์ กระทั่งอสูรที่มีเชื้อสายโบราณ ก็เรียกได้ว่ายกโขยงกันมาอย่างจัดหนัก ทำเอาตัวเอกของเราแทบกระอักเลือดกันเลยทีเดียว
เพราะตัวร้ายที่หลากหลาย แง่คิดที่จะได้รับจึงหลากหลายตามไปด้วย โดยเฉพาะข้อหลัก ๆ เลยก็คือ “กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นคืนสนอง” เมื่อโหยหาความยิ่งใหญ่ที่เกินตัวจนบนขยี้ผู้อื่นอย่างไม่เห็นหัว ก็จะถูกสิ่งที่ยิ่งใหญ่นั้นเล่นงานคืนอย่างสาหัส
ดำเนินเรื่อง
สีสันแห่งความเจ้าเล่ห์ ที่พี่เลี้ยงปัดป้องได้อย่างหวุดหวิดทุกครั้ง
เนื่องด้วยตัวเอกของเราล้วนอุดมไปด้วยความเจ้าเล่ห์แบบเต็มแมกซ์ โทนเรื่องที่อ่านจึงชวนจั๊กจี้หัวใจเพราะเหล่าอสูรรักในการหยอกเอินพี่เลี้ยงคนโปรดของพวกเขา และถึงแม้การหยอกล้อของเด็ก ๆ จะเกิดขึ้นทุกวันสามเวลาหลังมื้ออาหาร แต่นั่นก็ถือเป็นการฝึกพี่เลี้ยงให้สามารถรับแรงกระแทกนั้นได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้ การผจญภัยที่เกิดขึ้นก็ทำเอาอยากทะลุมิติไปกับโฮปเพื่อเห็นสิ่งมหัศจรรย์ (เช่น ใบหน้าอันงดงามของเด็–… แค่ก !) ซึ่งทำให้อดคิดไม่ได้ว่าหากนำมาสร้างเป็นหนังต้องอลังการมากแน่ ๆ นอกจากนี้คงไม่พูดถึงฉากแอ็กชันไม่ได้ เพราะอ่านแล้วเห็นภาพการต่อสู่อันงดงามและน่าตื่นเต้นในหัวทันทีทันใด
การดำเนินเนื้อเรื่องก็ไม่มีผิดหวังเช่นเคย เพราะเนื้อเรื่องที่ได้อ่านนั้นแม้จะตัดสลับไปมาหลายฉาก แต่ก็สามารถอ่านได้อย่างลื่นไหล ไม่งงเนื้อเรื่องแต่อย่างใด ด้วยภาษาที่อ่านง่าย บ้างก็แทรกเสริมดวยภาษาที่งดงาม จึงการันตีได้ว่าเมื่อได้เริ่มอ่านแล้วก็จะวางมือได้ยากอย่างแน่นอน
คงไม่ผิดนัก หากจะกล่าวว่าโฮปทำให้เด็ก ๆ ได้รู้จักกับคำและความหมายของคำว่า “บ้าน” อย่างแท้จริง
‘บ้านที่มีความสูงหลายชั้น มีอสูรอาศัยอยู่หลายตน และสุดท้ายมีคนที่ใจดีอ่อนโยน อบอุ่นเหมือนแสงอาทิตย์’
นอกจากภาคแยกของมิคาน่าและสเน็ค ที่สามารถอ่านแยกเล่มได้แล้ว ยังมีภาคแยกใหม่ล่าสุดซึ่งเป็นเรื่องราวของ ‘วาเรน’ เจ้าชายแวมไพร์ และ ‘โดโลเรส’ เจ้าชายหมาป่า ท้ายที่สุดจะเป็นอย่างไร เมื่อคนที่ต้องแยกเขี้ยวใส่กันทุกครั้งที่เจอหน้า ต้องหันมาให้ความร่วมมือกัน ? ร่วมหาคำตอบได้ในนิยายแฟนตาซีเล่มใหม่จาก 1168 ‘BUDDY HOPE สองอสูรป่วนคู่กัดในตำนาน’ กำลังเปิดพรีในราคาพิเศษอยู่ โดยเล่มใหม่ล่าสุดนี้ #สามารถอ่านแยกกันได้นะ ✨
เมื่อความสงบสุขมาเยือนได้ไม่นาน พี่เลี้ยงคนสำคัญอย่าง โฮป ก็ถูกลักพาตัวไปอีกครั้ง โชคดี (?) หน่อยที่คราวนี้ไม่ได้ถูกจับตัวไปเพียงคนเดียว แต่ถูกจับไปพร้อมกับ วาเรน เจ้าชายแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์และ โดโลเรส เจ้าชายหมาป่าเงิน ทว่าจะบอกว่าโชคดีก็คงจะพูดไม่ได้เต็มปากนัก เพราะทั้งสามดันมาโผล่ในดินแดนแวมไพร์ที่มีอาณาเขตเวทเป็นกำแพงที่ใหญ่ที่สุดกั้นระหว่างดินแดนมนุษย์กับดินแดนของเผ่าหมาป่าไว้ หากจะออกไปจากที่นี่จะต้องตอบรับคำสั่งล้างบางเผ่าพันธุ์ของแวมไพร์สาวตนนั้นจริง ๆ หรือ ?
“ดูเหมือนไม่มีอะไรสามารถสั่นคลอนสายสัมพันธ์แน่นแฟ้นของพวกเจ้าได้ ช่างน่าอิจฉานัก”