เพราะความอดอยากเป็นเรื่องทนไม่ได้… ชาวไร่อย่างข้าเลยต้องปลูกต้นไม้เทพมันซะเลย !?

     ตำนานผู้กล้ามากมายบนโลกนี้ล้วนเต็มไปด้วยเรื่องราวของอัศวิน เจ้าชาย หรือราชาผู้เกรียงไกรกันทั้งสิ้น… แต่ไหนเลยจะมีคนสดุดีเรื่องราวของ ‘ชาวไร่’ ผู้กอบกู้สุดธรรมด๊าธรรมดากันบ้าง ?

     ‘วาก้า’ หนุ่มชาวไร่ตัวเอกของเรื่อง The Vaga’s Saga ตำนานผู้กล้าชาวไร่ นั้นไม่ได้มีพลังเวทมนตร์ ไม่ได้สืบเชื้อสายจากเทพหรือผู้วิเศษ กระทั่งดาบยังจับไม่เป็นเลยด้วยซ้ำ สิ่งมหัศจรรย์เพียงหนึ่งเดียวสำหรับหนุ่มคนนี้คือการมีราชาปีศาจเป็นคนรับใช้ แลกเปลี่ยนกับการทำภารกิจนำเมล็ดพันธุ์มหาวิญญาณแห่งพฤกษาไปปลูกที่ดินแดนปีศาจเพื่อเรียกคืนพื้นที่สีเขียวขจีกลับมาจากการถูกความเสื่อมกัดกิน หากไม่แล้วดินแดนมนุษย์อาจถูกทัพปีศาจบุกยึดที่แสนอุดมสมบรูณ์เช่นเดียวกับเมื่อสองร้อยปีก่อน 

     แม้ยามปกติ เวอร์เลนจะเป็นเพียงราชาปีศาจผู้เสพติดกะหล่ำปลี แต่วาก้าก็รับรู้ได้ว่าเขาพร้อมจะก่อสงครามเพื่อดินแดนของตน หนุ่มชาวไร่ผู้ใฝ่ฝันถึงชีวิตแสนสงบในฟาร์มจึงต้องยอมออกเดินทางเสี่ยงอันตรายเพื่อภารกิจแสนยิ่งใหญ่ในการกอบกู้แดนปีศาจและปกป้องแดนมนุษย์จากเงื้อมมือปีศาจอีกทีหนึ่ง

ทำความรู้จักกันก่อนออกเดินทาง

วาก้า เกรเนส

     ชายหนุ่มชาวไร่รูปร่างสันทัด มีผมสีฟางตัดสั้นยุ่งเหยิงและนัยน์ตาสีเขียวมรกต ผิวคล้ำจากการทำงานกลางแดด (เซ็กซี่เหลือเกินนน) ฝีมือต่อยตีเข้าขั้นบัดซบ สถิติการมีเรื่องกับชาวบ้านน่ะ พูดเลยว่าชนะศูนย์ แพ้ยี่สิบ โดนน็อกไปสาม แม้แต่แก๊งหมาจรจัดท้ายหมู่บ้านยังข่มเขาได้เลย !!

     แต่เห็นแบบนี้ก็เถอะ เพราะความที่วาก้าเป็นชาวไร่ธรรมดา ๆ นี่ล่ะ ที่ทำให้เขาเป็นคนใจดี ซื่อตรง คิดช่วยเหลือผู้ยากลำบาก และไม่อยากทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนอีกด้วย สมแล้วที่มีราชาปีศาจและสาวน้อยน่ารักมาตามติด (?)  

“ใช้ชีวิตสุขสบายงั้นเหรอ… ข้าคิดไม่ออกเลยแฮะ”

“แต่พอคิดว่า ถ้าข้านั่ง ๆ นอน ๆ ไปตลอดชีวิต มันคงจะน่าเบื่อน่าดู ข้าว่าชีวิตชาวไร่แบบนี้ก็ดีแล้วล่ะ อยู่แบบพอเพียง ไม่มีหนี้ก็โอเคแล้ว”

เวอร์เลน เดโมเนียม ดราคูล อัสโมดาย 

     ราชาปีศาจลำดับที่สาม หน้าตาหล่อเหลา ท่าทางสง่างาม งานพ่อศรีเรือนเป๊ะปัง บู๊ไม่เคยแพ้ (แหงล่ะก็พ่อคุณเป็นราชาปีศาจนี่นา) แถมยังเป็นแฟนคลับกะหล่ำปลีไร่วาก้าอีกด้วย

     แม้ว่าตำแหน่งราชาปีศาจจะดูยิ่งใหญ่เพียงไหน แต่เวอร์เลนก็ยินดีที่จะมาเป็นผู้รับใช้ของวาก้า เพราะไม่มีสิ่งใดสำคัญสำหรับเขาอีกแล้ว… นอกจากการทำให้ดินแดนปีศาจกลับมามีสีเขียวงดงามอีกครั้ง

“มันช่วยไม่ได้นี่ขอรับ ข้าปล่อยให้ประชาชนอดอยากไม่ได้

ถ้าท่านไม่ช่วยปลูกมหาวิญญาณแห่งพฤกษาข้าก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยึดแดนมนุษย์ซะ”

“ขโมย ! มีขโมยมาขโมยกะหล่ำข้า !”

“ขโมยอะไรกัน นายท่าน กะหล่ำปลีพวกนั้นท่านให้ข้าเป็นคนเก็บเอง”

“หา !? แล้วเจ้าเก็บทีละครึ่งแปลงเลยเหรอ !?”

“ก็ท่านบอกว่าจะกินเท่าไหร่ให้เก็บมา”

      พูดเลยว่าการผจญภัยที่กลายมาเป็นตำนานผู้กล้าชาวไร่ครั้งนี้ครบรสจริง ๆ นะ ทั้งบู๊ ฮา ซึ้ง เรียกได้ว่ามาเต็มสุด ๆ จนต้องพูดเลยว่า “บางครั้งคนธรรมดาก็ทำอะไรที่คนอื่นคาดไม่ถึงได้”

       แล้วคุณล่ะ… พร้อมออกเดินทางไปกับวาก้าและเวอร์เลนหรือยัง ?


ชุด The Vaga’s Saga ตำนานผู้กล้าชาวไร่ (เล่ม 1-2 จบ)
ผู้เขียน : Jinze

“วาก้า” หนุ่มชาวไร่ผู้มีทรัพย์สินติดตัวเพียงไร่หนึ่งผืน (และเกือบถูกยึด) ต้องออกเดินทางเพื่อนำเมล็ดพันธุ์มหาวิญญาณแห่งพฤกษาไปปลูกที่แดนปีศาจตามคำขอร้องของ “เวอร์เลน” ราชาปีศาจลำดับที่สาม ผู้ต้องการคืนพื้นที่สีเขียวขจีให้กับแดนปีศาจที่ถูกความเสื่อมกัดกิน โดยเจ้าตัวเสนอตนเป็นคนรับใช้ผู้ซื่อสัตย์ให้หนุ่มชาวไร่ตลอดการเดินทางในครั้งนี้ ระหว่างเดินทาง ทั้งสองได้พบกับนักทำนายและได้รับคำแนะนำว่า การจะปลูกมหาวิญญาณแห่งพฤกษาให้งอกงามได้ ต้องอาศัยน้ำศักดิ์สิทธิ์ของบุตรแห่งวารี และดินที่ได้รับการอำนวยพรจากบุตรแห่งปฐพี ทั้งสองจึงเปลี่ยนจุดหมายจากป่าแห่งเทพไปยังเมืองหลวง

ที่เมืองใกล้เคียงกันนั้น พวกเขาได้พบ “ลูเซียน่า” และเข้าใจว่าเธอคือหัวขโมยผู้เรียกคืนความยุติธรรมสู่ชาวเมือง แต่เมื่อเดินทางมาถึงเมืองหลวงจึงได้ทราบว่าแท้จริงแล้วเธอคือองค์หญิงผู้สืบเชื้อสายจากบุตรแห่งแสง ทั้งสามได้รับรายงานจากทหารว่าลำน้ำบนเขาที่สถิตของบุตรแห่งวารีถูกมังกรโจมตี จึงเดินทางเพื่อไปสืบความจริง แท้จริงแล้วผู้ที่โจมตีลำน้ำคือบุตรแห่งอัคคี เหล่าบุตรของเทพมารดรกำเนิดขึ้นมาเพื่อปกปักษ์ดูแลโลก ทว่าบุตรที่ถูกความเสื่อมของเทพบิดรครอบงำจะมีความคิดเพียงต้องการทำลาย เพื่อปกป้องโลกจากความเสื่อมและการถูกทำลาย พวกเขาจึงต้องต่อสู้กับเหล่าบุตรผู้ถูกความเสื่อมกัดกิน และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นตำนานการปกป้องดินแดนมนุษย์และกอบกู้ดินแดนปีศาจของวาก้า เด็กหนุ่มชาวไร่แสนธรรมดา!!

Facebook Comments