4 หญิงงามแห่งแผ่นดินมังกร
4 หญิงงามแห่งแผ่นดินมังกร
เพื่อน ๆ เคยได้ยินคำว่า “หญิงงามล่มเมือง” กันบ้างไหม ? วันนี้เราขอเสนอ “4 หญิงงามแห่งแผ่นดินมังกร” พวกนางทั้ง4คนถือเป็นสุดยอดสาวงามในตำนานของจีนซึ่งมีบทบาทเกี่ยวข้องกับสถานการณ์บ้านเมืองไปจนถึงการล่มสลายของอาณาจักรเลยก็ว่าได้ ซึ่งแน่นอนว่าทั้งหมดล้วนมีควาามสำคัญกับประวัติศาสตร์ด้วยเช่นกัน มาดูกันดีกว่าว่าพวกนางจะงามขนาดไหนกันเชียวนะถึงได้ชื่อว่าเป็นสุดยอดของหญิงงามแห่งแผ่นดินมังกร !
มัจฉาจมวารี ไซซี 西施沉鱼 [XīShī chényú]
ไซซีมีชีวิตอยู่ในสมัยยุคเลียดก๊กในรัฐเยว่ ความงามของนางเป็นที่เลื่องลือขนาดที่ว่าวันหนึ่งเมื่อนางไปฟอกด้ายอยู่ที่ริมลำธารเหล่าปลาในน้ำที่ว่ายผ่านไปมาถึงกับตกอยู่ในภวังค์ชั่วขณะ หยุดแหวกว่ายชื่นชมและตะลึงในความงามของนางเป็นเหตุให้จมสู่ก้นแม่น้ำจึงเป็นที่มาของฉายา “มัจฉาจมวารี” นั่นเอง ในยุคที่รัฐอู๋และรัฐเยว่ทำสงครามกันความงามของไซซียังถูกใช้เป็นกลยุธ์ในการล่มแผ่นดินศัตรู โดยส่งนางไปเป็นเครื่องบรรณาการให้แก่อ๋องอู๋นาม “ฟูซา” เป้าหมายคือทำให้ฟูซาลุ่มหลงเสน่ห์ของนางจนลืมบริหารบ้านเมือง ไซซีใช้เวลาปรนิบัติฟูซาอย่างกล้ำกลืนเป็นเวลาถึง 13 ปี จนท้ายที่สุดรัฐอู๋ก็พ่ายแพ้ให้แก่รัฐเยว่เป็นไปดังแผนที่ถูกวางไว้ทำให้ไซซีทำการล่มแผ่นดินศัตรูและกอบกู้แผ่นดินได้สำเร็จ
ปักษีตกนภา หวังเจาจวิน 昭君落雁 [ZhāoJūn luòyàn]
หวังเจาจวินเป็นหญิงสาวจากมณฑลหูเป่ย์ในสมัยฮั่นตะวันตก เมื่อครั้นหัวหน้าเผ่าซวงหนูได้เดินทางมาเยือนฉางอันตามธรรมเนียมของฮั่นและซวงหนูเพื่อสานสัมพันธไมตรี หัวหน้าเผ่าซวงหนูจึงได้ทูลขอนางในของฮ่องเต้ไปเป็นชายา ฮ่องเต้เห็นว่าการตกลงครั้งนี้จะเป็นผลดีกับแคว้นในระยะยาว จึงส่งตัวหวังเจาจวินให้แก่หัวหน้าเผ่าซงหนู ในระหว่างการเดินทางนางได้พก “พิณผีผา” ติดตัวมาด้วยเพื่อไว้เล่นคลายเหงาเมื่อต้องจากบ้านเกิดมาไกลนางดีดพิณเป็นทำนองเพลงโศกเศร้า บรรดานกที่บินผ่านมาได้ยินเสียงพิณอันไพเราะจึงมองลงไปยังเบื้องล่างเห็นสาวงามเล่นพิณอยู่บนหลังม้าก็มัวแต่ชื่นชมความงามของนางจนลืมขยับปีกและร่วงลงสู่พื้นดินเป็นที่มาของสมญานาน “ปักษีตกนภา” ความงามที่ทำให้แม้แต่ฝูงนกยังต้องร่วงหล่นจากท้องฟ้า
จันทร์หลบโฉมสุดา เตียวเสี้ยน 貂婵闭月 [DiāoChán bìyuè]
เตียวเสี้ยนเป็นสาวงามเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่มีตัวตนอยู่จริงในหน้าประวัติศาสตร์ นางปรากฏตัวครั้งแรกในวรรณกรรมอิงประวัติศาสตร์สุดโด่งดังของประเทศจีนอย่าง “สามก๊ก” ตอนอายุสิบหกปีด้วยบทบาทนางรำของขุนนางอ๋องอุ้น เมื่อราชวงศ์ฮั่นตะวันออกตกอยู่ใต้อำนาจของขุนนางชั่วตั๋งโต๊ะ ที่แอบอ้างพระราชโองการปกครองเหล่าขุนนาง ทำให้ไม่มีผู้ใดกล้าขัดขืน สร้างความกลัดกลุ้มใจให้กับอ๋องอุ้นเป็นอย่างมาก ด้วยความรักเทิดทูลอ๋องอุ้นประดุจพ่อบังเกิดเกล้าของเตียวเสี้ยน นางจึงไปจุดธูปอธิฐานกับสวรรค์ให้ช่วยอ๋องอุ้น ระหว่างที่นางอธิฐานอยู่นั้นก็เกิดสายลมพัดพาเอาเมฆมาบดบังดวงจันทร์ราวกับพระจันทร์อายแก่ความงามของนางจนต้องหลบอยู่หลังหมู่เมฆ จนเป็นที่มาของสมญานาม “จันทร์หลบโฉมสุดา”
มวลผกาละอายนาง พระสนมหยางกุ้ยเฟย 贵妃羞花 [GuìFēi xiūhuā]
หยางกุ้ยเฟยมีชีวิตอยู่ในปีคริสตศักราช 719-756 เป็นชาวเมืองหย่งเล่อมีชื่อจริงว่า หยางอี้หวน เป็นหญิงงามที่มีความสามารถและทักษะทางด้านดนตรี ขับร้องและฟ้อนรำ เมื่ออายุได้ 16 ปีจึงถูกส่งตัวเข้าวังขององค์ชายโซ่วอ๋อง ซึ่งเป็นพระโอรสองค์ที่สิบแปดของจักรพรรดิถังเสวียนจง จักรพรรดิพระองค์สุดท้ายของราชวงศ์ถัง โซ่วอ๋องถึงกับตะลึงในความงามของนางจึงแต่ตั้งนางให้เป็นชายา วันหนึ่งเตียวเสี้ยนได้ออกไปเดินเล่นในสวนของพระราชวังและเห็นดอกโบตั๋นและกุหลาบจีนบานอยู่ ด้วยความคิดถึงบ้านนางจึงร้องให้และนำมือไปแตะที่ดอกไม้ ซึ่งดอกไม้ที่นางสัมผัสกลับหุบกลีบลง เหล่านางกำนัลที่ผ่านมาพบเห็นเข้าจึงนำไปเล่าต่อ ๆ กันว่าแม้แต่ดอกไม้เมื่อเทียบความงามกับนางแล้ว ดอกไม้ยังต้องละอายก้มลงให้แก่นาง จึงกลายมาเป็นสมญานาม “มวลผกาละอายนาง” ของพระสนมหยางกุ้ยเฟยแห่งราชวงศ์ถังนั่นเอง
ในปัจจุบันเรื่องราวชีวิตและวีรกรรมของพวกนางถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนต์และถูกดัดแปลงไปเป็นตัวละครในอนิเมชั่นเกมส์การ์ตูนมากมายกตัวอย่างเช่นในเกมส์ ROV ที่เป็นที่นิยมทั่วโลกก็มีตัวละครนักเวทย์หญิงที่มีต้นแบบมาจากเตียวเสี้ยนอีกด้วย
เรียบเรียงโดยนักศึกษาฝึกงานกองบรรณาธิการ : วรัญญา
ภาพโดยนักศึกษาฝึกงานกราฟิก : Kuroya57